รีวิวเกม Celeste ทีมผู้พัฒนาเกม Indy ทีมงานเล็กๆ จากประเทศแคนาดา ได้สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ในโลกของวงการเกมเอาไว้ นอกจาก Art Style ที่เป็นแบบ 2D Pixel แล้ว ทุกอย่างในเกม Celeste ได้ก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดของวงการเกม Indy ไปได้อย่างเกินจินตนาการ ที่แม้ว่ามองเผินๆแล้ว จะดูเหมือนเกมเรโทรธรรมดา แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกล้ำ ที่สามารถสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ และความรักต่อการทำเกม จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่เกมนี้จะกลายเป็นอีก 1 ตำนาน ของวงการวิดีโอเกมบนโลกใบนี้
รีวิวเกม Celeste เนื้อหาเกม Celeste มีที่มาอย่างไร ?
เริ่มต้นด้วยพลอตง่ายๆ อย่างสาวน้อยที่มีนามว่า แมนดาริน พยายามที่จะปีนเทือกเขา Celeste ที่เต็มไปด้วยอุปสรรค และเรื่องราวลึกลับ เพราะต้องการพิสูจตัวเองจากความล้มเหลวต่างๆ นาๆ ที่ผ่านมาในชีวิตของเธอ เธอจึงต้องการทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ ไม่ว่าจะยากแค่ไหนก็ตาม และระหว่างการเดินทางเธอยังได้พบกันตัวละครต่างๆ ที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับเนื้อเรื่องใน Celetes ได้อย่างดี
แม้ว่าเกมแอคชั่น Platformer เนื้อเรื่องคือส่วนท้ายๆ ที่จะให้ความสำคัญ แต่ไม่ใช่กับเกม Celeste เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ในเกม ได้สื่อถึงปัญหาที่มนุษย์อย่างเราๆ ต้องพบเจอในชีวิตจริง ผ่านการอุปมาอุปมัยออกมาเป็นบทพูด หรือร้อยเรียงเข้าไปในอุปสรรคต่างๆในเกมได้อย่างดีอย่างแยบยล และแน่นอนว่าหากผู้เล่นไม่ได้ต้องการเสพเนื้อเรื่องของเกม Celetes
ก็ยังคงเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมอยู่ดีด้วยการออกแบบดีไซน์ที่สุดยอด ความลื่นไหลของจังหวะในการเล่น มักจะต้องตายซ้ำซาก แต่ก็ไม่น่าเบื่อ กลับรู้สึกถึงความท้าทายที่อยากจะเอาชนะให้จนได้ เช่นเดียวกับตัวเอก ที่พยายามจะไปถึงยอดเขาให้สำเร็จ แม้จะยากเพียงใดก็ตาม
ตัวหลักของเกม Celestre ประกอบไปด้วยใครบ้าง ?
เคมเปญหลักของตัวเกม จะประกอบไปด้วย 7 แชปเตอร์ ในการไปถึงบนยอดเขา ที่ใช้เวลาประมาณ 8 -10 ชั่วโมง แต่ถ้าหากผู้เล่นได้เข้าถึงจิตวิญญาณของ Celeste แล้ว ก็เปรียบเสมือนแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ของเกมเพียงเท่านั้น ดังที่กล่าวไปว่า Celetes ใช้ Art Style แบบ 2D Pixel แต่ทีมงานก็ได้เพิ่มความลึกของฉากให้เหนือชั้นกว่าเกม Retro Style ทั่วๆไป รวมไปถึงโทนสี ธีม และอารมณ์ของในแต่ละเลเวล ก็สามารถถ่ายทอดผ่านเม็ดพิกเซลได้อย่างสวยงาม ละเอียดลออ
และอีกสิ่งที่ยอดเยี่ยมเหนือกว่าเกม Indy ทั่วๆไป ที่สามารถเทียบชั้นกันได้ คือซาวด์และเสียงดนตรีของ Celeste ที่ผสมกันได้อย่างกลมกลืน ที่ถ่ายถอดออกมา 8 บิต และมิกซ์เข้ากับซาวด์สมัยใหม่ได้อย่างลงตัว และช่วยเพิ่มอารมณ์ในแต่ละด่น และในแต่ละเหตุการณ์ได้อย่างสุดยอดเลยทีเดียว
ภารวมของเกม Celeste การเคลื่อนไหว ของเกม
ในแต่ละฉากของ Celeste ได้ออกแบบอุปสรรคของแต่ละฉากออกมาได้เป็นอย่างดี ผ่านการบังคับที่เรียบง่าย แต่ลื่นไหล เช่น เคลื่อนที่ กระโดด Dash เกาะ ไต่กำแพง แม้ว่าตัวเกมจะไม่มีการโจมตีศัตรู แต่ตัวด่านก็ค่อยๆเพิ่มความยากขึ้น และการบังคับแมนดาริน ต้องใช้ความแม่นยำขึ้นเรื่อยๆในการหลบหลีกอุปสรรค เพื่อเดินหน้าต่อไปให้ถึงยอดเขา Celeste
Credit : Steam